เรียนต่อประเทศอังกฤษ

สำหรับการศึกษาภาคบังคับของ ประเทศอังกฤษ จะเริ่มตั้งอายุ 5-16 ปี ซึ่งปีการศึกษาของ ประเทศอังกฤษ จะต่างจากเมืองไทย โดยเริ่มต้นเทอมแรกราวปลายเดือนกันยายน และจะสิ้นสุดในเดือนมิถุนายนหรือกรกฎาคม โดยแบ่งเป็น 3 เทอม คือภาคต้น ภาคกลาง และภาคปลาย แต่ละเทอมจะมีช่วงระยะเวลาเรียนประมาณ 3 เดือน

ประถมศึกษา: รับนักเรียนอายุ 5-13 ปี ซึ่งการเรียนการสอนจะเป็นหลักสูตรมุ่งเน้นเตรียมตัวเข้าสอบในระดับมัธยม Commont Entrance Education (CEE) เน้นการเขียนและทักษะด้านตัวเลขให้เด็กได้เรียนรู้ตามวัย

มัธยมศึกษา: รับนักเรียนอายุ 13 ปีขึ้นไปที่สอบผ่าน CEE โรงเรียนมีให้เลือกทั้งแบบชายล้วน หญิงล้วนและสหศึกษา มีทั้งแบบประจำและไปกลับเช่นเดียวกับเมืองไทย และมีโรงเรียนบางแห่งที่เปิดสอนสำหรับนักเรียนที่มีความสามารถพิเศษเฉพาะด้าน เช่น ดนตรี กีฬา เป็นต้น

อาชีวศึกษา: เป็นการศึกษาสำหรับนักเรียนที่มีอายุ 16 ปีขึ้นไป ที่ไม่ต้องการศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษา แต่ต้องการทักษะด้านวิชาชีพต่างๆ ในการประกอบอาชีพอุดมศึกษา: ในอังกฤษมีมหาวิทยาลัยมากกว่า 100 แห่ง ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยของรัฐบาลแทบทั้งหมด

ปริญญาตรี: เรียน 3 ปี

ปริญญาโท: เรียน 1 ปี ทุกหลักสูตร

ปริญญาเอก: เรียน 3-4 ปี

ปัจจุบันมีหลากหลายองค์กรที่สนับสนุนนักเรียนไทย ให้ได้สัมผัสกับประสบการณ์การเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนในต่างแดน ซึ่งโครงการที่ ประเทศอังกฤษ เข้าร่วม ก็มีด้วยกันหลายโครงการ เช่น

AYC หรือ Amsam Youth Center โครงการแลกเปลี่ยนทุนเยาวชนไทย-นานาชาติที่มีประเทศอังกฤษรวมอยู่ด้วย เหมาะสำหรับนักเรียนที่เรียนอยู่ในชั้นมัธยมศึกษาปีที่3-5 หรือมีอายุไม่เกิน 16 ปี และต้องมีผลคะแนนทางภาษา IELTS 5.5 โดยจะเปิดรับสมัครในช่วงมิถุนายนของทุกปี

EF องค์กรการศึกษาเอกชนที่ใหญ่ที่สุดในโลกและมีอายุกว่า 40 ปี จัดหลักสูตรภาษาและประสบการณ์แลกเปลี่ยนให้กับเยาวชนไทย ซึ่งก็มีประเทศอังกฤษรวมอยู่ในโครงการนี้ด้วย เหมาะกับนักเรียนที่เรียนอยู่ในชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3-5 และมีผลการเรียนสะสม (GPA) ไม่ต่ำกว่า 2.00 ในสองปีการศึกษา และมีผลการสอบ EF

BWK อีกหนึ่งโครงการสำหรับนักเรียนม.ปลาย ที่มีอายุ 15-18ปี ซึ่งมีประเทศอังกฤษรวมอยู่ในเงื่อนไขของโครงการ โดยเป็นรูปแบบของโครงการร่วมสมทบทุน ในระยะเวลาการเข้าร่วมโครงการ 10-11 เดือน หรือ 1 ปีการศึกษา

สำหรับ 10 อันดับของ มหาวิทยาลัย ชื่อดังในประเทศอังกฤษ ปี 2017 ซึ่งถูกจัดอันดับโดยวัดจากความพึงพอใจของผู้เรียน, ระบบต่างๆของ มหาวิทยาลัย ซึ่งคัดจากมหาวิทยาลัยทั้งหมดใน ประเทศอังกฤษ มีดังนี้

1.University of Cambridge

2.University of Oxford

3.London school of Economic

4.Imperial College London

5.University of St. Andrew

6.Durham University

7.Loughborouge University

8.University of Warwick

9.Lancaster University

10.University College London

ข้อมูลโดย www.thecompleteuniversityguide.co.uk

Internship หรือ Career Training คือ การฝึกงานในสาขาวิชาที่ตัวเองจบการศึกษา สำหรับการฝึกงานใน ประเทศอังกฤษ มีหลายๆ โครงการที่เปิดรับนักศึกษาฝึกงาน ซึ่งต้องเป็นผู้ที่ศึกษาอยู่ในระดับปริญญาตรี ปริญญาโท หรือจบการศึกษาไม่เกิน 1 ปี เช่น วิศวกรรม, การโรงแรม เป็นต้น

แบบฟอร์มวีซ่านักเรียนกรอก online (กรอกครบถ้วนเป็นภาษาอังกฤษโดย Apex เป็นผู้กรอกให้)

1. ค่าธรรมเนียมวีซ่านักเรียน 18,530 บาท วีซ่า Tier 4 จะต้องจ่ายค่า Health Surcharge (ขึ้นอยู่กับระยะเวลาเรียนของนักเรียน) และต้องมีใบเสร็จค่า Health Surcharge ด้วย

2. ใบตอบรับจากสถาบันที่ไป เรียนต่อประเทศอังกฤษ (CAS) จะได้หลังจากชำระค่าเรียนและ Apex จะขอกับทางโรงเรียนให้

3. หนังสือเดินทาง (พาสปอร์ต) ที่มีอายุการใช้งานได้มากกว่า 6 เดือน (เล่มจริงทุกเล่ม)

4. Transcript (ที่ระบุวันเข้าเรียนและวันจบการศึกษาอย่างชัดเจน) + ใบรับรองจบการศึกษา (ในกรณีที่เรียนจบและเกรดยังออกไม่ครบ) + ปริญญาบัตร (ตัวจริงเป็นภาษาอังกฤษเท่านั้น)

5. ใบรับรองการทำงานตั้งแต่เรียนจบจนถึงปัจจุบัน ถ้ามี / (ตัวจริงเป็นภาษาอังกฤษเท่านั้น)

6. ใบ Certificate หรือใบเสร็จเรียนภาษาในเมืองไทยหรือต่างประเทศ ถ้ามี (ถ้าต่างประเทศต้องมี Attendance ด้วย) (ตัวจริงเป็นภาษาอังกฤษเท่านั้น)

7. สำเนาบัตรประชาชนและทะเบียนบ้านของผู้สมัคร (แปลเป็นภาษาอังกฤษเท่านั้น)

8. ใบเปลี่ยนชื่อ – นามสกุล (ถ้ามี) (แปลเป็นภาษาอังกฤษเท่านั้น)

9. ใบรับรองสถานภาพทางการเงินจากธนาคาร ระบุยอดเงินคงเหลือในบัญชีเป็น GBP (ตัวจริงเป็นภาษาอังกฤษ) (หนังสือรับรองมีอายุ 30 วัน นับจากวันที่ออก ควรติดต่อขอธนาคารในวันที่ใกล้ยื่นวีซ่า)

วีซ่า Tier 4 จะใช้หลักฐานทางการเงินโดยบัญชีเงินฝากนั้นต้องเป็นชื่อนักเรียนเอง หรือคุณพ่อและคุณแม่เท่านั้น ถ้าหลักฐานทางการเงินเป็นชื่อของคุณพ่อหรือคุณแม่ต้องแสดงใบสูติบัตรใบจริงแปลเป็นภาษาอังกฤษด้วย และจะต้องมีระบุระยะเวลาการฝากเงินมาไม่ต่ำกว่า 28 วัน

สำหรับผู้ที่ประสงค์จะเดินทางเข้าประเทศอังกฤษและจะพำนักอยู่ในประเทศอังกฤษเกินกว่า 6 เดือน ตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2548 จะต้องตรวจสุขภาพเกี่ยวกับวัณโรคโดยลงทะเบียนออนไลน์ทางเว็บไซต์ http://register-uktb.iom.int/uktbdp-register และดาวน์โหลด Information sheet (ภาษาไทย)เพื่อทำความเข้าใจก่อนลงทะเบียน เมื่อลงทะเบียนเรียบร้อย ระบบจะส่งหมายเลขอ้างอิงการนัดหมาย (Reference ID) ให้ท่านโดยอัตโนมัติ และยื่นเรื่องขอรับแบบฟอร์มการตรวจสุขภาพ ได้ที่ องค์กรระหว่างประเทศเพื่อการโยกย้ายถิ่นฐาน (International Organization for Immigration) 120 อาคารเกษมกิจ ชั้น 8 ถนนสีลม บางรัก กรุงเทพ ฯ 10500 โทร02-2347950-1 เอกสารที่ต้องเตรียมไปด้วย

1. Passport ตัวจริง ซึ่งยังมีอายุการใช้งานเหลือมากกว่า 6 เดือน พร้อมสำเนา 1 ฉบับ

2. บัตรประจำตัวประชาชน พร้อมสำเนา 1 ฉบับ

3. รูปถ่าย 2 นิ้ว จำนวน 2 รูป

4. ค่าใช้จ่าย 3,800 บาท

โดยเจ้าหน้าที่จะออกเอกสารให้ ให้นำเอกสารที่ได้ไปยื่นที่โรงพยาบาลที่ระบุไว้ คือ โรงพยาบาลกรุงเทพคริสเตียน หรือโรงพยาบาลพญาไท 2 เพื่อทำการเอกซ์เรย์ปอดและหลังจากตรวจสุขภาพที่โรงพยาบาลแล้ว ให้นำแผ่นฟิลม์เอกซเรย์นั้น กลับไปยื่นที่องค์กรระหว่างประเทศฯ อีกครั้ง โดยจะมีคุณหมอตรวจแผ่นฟิล์มเอกซเรย์ ถ้าผลปกติคุณหมอจะคืนแผ่นฟิลม์ x-rayนั้นและออกใบ Certificate เพื่อนำกลับไปยื่นให้กับสถานทูตอังกฤษ

สามารถยื่นเอกสารวีซ่าได้ที่ศูนย์รับคำร้องขอวีซ่าอังกฤษ (VFS) อาคารเดอะเทรนดี้ ซอยสุขุมวิท 13 แขวงคลองเตยเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพฯ 10110 เวลาเปิดทำการ: 08.30 – 15.00 น. เวลารับหนังสือเดินทาง : 13.00 – 16.00 น. ( จันทร์ – ศุกร์)

แบบฟอร์มวีซ่านักเรียนกรอก online (กรอกครบถ้วนเป็นภาษาอังกฤษโดย Apex เป็นผู้กรอกให้)

1. ค่าธรรมเนียมวีซ่า 5,450 บาท (Student visitor visa)

2. ใบตอบรับจากสถาบันที่ไปเรียนในประเทศอังกฤษ (Visa Letter) จะได้หลังจากชำระค่าเรียนและ Apex จะขอกับทางโรงเรียนให้

3. หนังสือเดินทาง (พาสปอร์ต) ที่มีอายุการใช้งานมากกว่า 6 เดือน (เล่มจริงทุกเล่ม)

4. Transcript (ที่ระบุวันเข้าเรียนและวันจบการศึกษาอย่างชัดเจน) + ใบรับรองจบการศึกษา + ปริญญาบัตร หรือจดหมายรับรองสถานะนักเรียนในกรณีที่ยังศึกษาอยู่ (ตัวจริงเป็นภาษาอังกฤษเท่านั้น)

5. ใบรับรองการทางานตั้งแต่เรียนจบจนถึงปัจจุบัน (ถ้ามี) (ตัวจริงเป็นภาษาอังกฤษเท่านั้น)

6. ใบ Certificate หรือใบเสร็จเรียนภาษาในเมืองไทยหรือต่างประเทศ (ถ้าต่างประเทศต้องมี Attendance ด้วย)(ถ้ามี) (ตัวจริงเป็นภาษาอังกฤษเท่านั้น)

7. สำเนาบัตรประชาชนและทะเบียนบ้านของผู้สมัคร (ตัวจริงเป็นภาษาอังกฤษเท่านั้น)

8. ใบเปลี่ยนชื่อ – นามสกุล (ถ้ามี) (ตัวจริงเป็นภาษาอังกฤษเท่านั้น)

9. ใบรับรองสถานภาพทางการเงินจากธนาคาร ระบุยอดเงินคงเหลือในบัญชีเป็น GBP และจะต้องมีระยะเวลาการฝากเงินมา ไม่ต่ำกว่า 180 วัน (ตัวจริงเป็นภาษาอังกฤษ) (หนังสือรับรองมีอายุ 30 วัน นับจากวันที่ออก ควรติดต่อขอธนาคารในวันที่ใกล้ยื่นวีซ่า)

10. Statement ระบุชื่อเจ้าของบัญชีเป็นภาษาอังกฤษเท่านั้น และจะต้องมีระยะเวลาการฝากเงินมา ไม่ต่ากว่า 6 เดือนย้อนหลัง

11. สำเนาบัตรประชาชนและทะเบียนบ้านของสปอนเซอร์

12. ใบรับรองการทำงานของสปอนเซอร์

13. สำเนาทะเบียนสมรส ของคู่สมรส (ถ้ามี)

14. ใบเปลี่ยนชื่อ-นามสกุล สปอนเซอร์ (ถ้ามี)

15. สามารถยื่นเอกสารวีซ่าได้ที่ศูนย์รับคำร้องขอวีซ่าอังกฤษ (VFS) อาคารเดอะเทรนดี้ ซอยสุขุมวิท 13 แขวงคลองเตยเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพฯ 10110 เวลาเปิดทำการ: 08.30 – 15.00 น. เวลารับหนังสือเดินทาง : 13.00 – 16.00 น. (จันทร์ – ศุกร์)

แบบฟอร์มวีซ่ากรอก online (กรอกครบถ้วนเป็นภาษาอังกฤษโดย Apex เป็นผู้กรอกให้)

1. ค่าธรรมเนียมวีซ่าท่องเที่ยว 5,450 บาท (Visitor visa)

2. หนังสือเดินทาง (พาสปอร์ต) ที่มีอายุการใช้งานได้อีก 6 เดือน (เล่มจริงทุกเล่ม)

3. สำเนาบัตรประชาชน และสำเนาทะเบียนบ้าน

4. สำเนาใบเปลี่ยนชื่อ – นามสกุล (ถ้ามี)

5. สำเนาทะเบียนสมรส (ในกรณีที่สมรส) ของผู้ยื่น หรือ สปอนเซอร์

6. ใบรับรองการเป็นนักศึกษา (กรณีศึกษาอยู่)

7. ใบรับรองการทำงาน ณ ปัจจุบัน ออกโดยบริษัทที่ทำงานอยู่ ระบุชื่อบริษัท, ตำแหน่งงานของผู้ยื่น วีซ่า, เงินเดือน , วันที่เริ่มทำงาน, ระบุวันลางาน, วันไป – กลับ ที่จะเดินทางไปอังกฤษ หรือ ใบรับรองการจดทะเบียนบริษัทกรณีเป็นเจ้าของกิจการ

8. ใบรับรองสถานภาพทางการเงินจากธนาคาร ระบุยอดเงินคงเหลือในบัญชีเป็น GBP (ตัวจริงเป็นภาษาอังกฤษ) (หนังสือรับรองมีอายุ 30 วัน นับจากวันที่ออก ควรติดต่อขอธนาคารในวันที่ใกล้ยื่นวีซ่า)

9. Statement ระบุชื่อเจ้าของบัญชีเป็นภาษาอังกฤษเท่านั้น และจะต้องมีระยะเวลาการฝากเงินมาไม่ต่ำกว่า 6 เดือนย้อนหลัง

10. สำเนาบัตรประชาชนและทะเบียนบ้านของสปอนเซอร์

11. หลักฐานการทำงานของสปอนเซอร์

12. ใบเปลี่ยนชื่อ-นามสกุล สปอนเซอร์ (ถ้ามี)

13. แผนข้อมูลแผนการเดินทาง (Itinerary)

14. ใบจองตั๋วเครื่องบิน ระบุชื่อผู้เดินทางและวันเดินทางไป-กลับ โดยชัดเจน

15. หลักฐานใบจองที่พักในอังกฤษ ตามวัตถุประสงค์ของการเดินทาง

16. กรณีไปเยี่ยมและพักอาศัยอยู่กับญาติ ต้องให้ญาติออกจดหมายเชิญระบุถึง ชื่อ-นามสกุล ผู้เชิญ, ผู้ถูกเชิญ, สถานที่พัก ระยะเวลาในการพำนัก พร้อมแสดงหนังสือเดินทางของผู้เชิญ และหลักฐานแสดงทีอยู่อย่างชัดเจน

17. ประกันการเดินทางแบบท่องเที่ยวต่างประเทศ วงเงินขั้นต่ำ 2,000,000 บาท

18. กรณีผู้เดินทางมีอายุเกินกว่า 70 ปี ขึ้นไป ต้องมีใบตรวจสุขภาพและต้องทำประกันการเดินทางด้วย

19. กรณีที่เด็กอายุต่ำกว่า 18 ปีบริบูรณ์ ไม่ได้เดินทางพร้อมบิดา มารดา หรือเดินทางไปกับบิดา มารดาท่านใดท่านหนึ่งจะต้องทำจดหมายยินยอม จากทางอำเภอ โดยที่บิดามารดา จะต้องไปยื่นเรื่องแสดงความจำนงในการอนุญาตให้บุตรเดินทางไปต่างประเทศกับอีกท่านหนึ่งได้ ณ ที่ว่าการอำเภอหรือเขตโดยมีนายอำเภอ หรือผู้อำนวยการเขตลงลายมือชื่อและตราประทับจากทางราชการอย่างถูกต้อง หรือขอแบบฟอร์มจากการหน่วยรับยื่นวีซ่า ให้บิดาและมารดาเป็นผู้เซ็นต์

20. สามารถยื่นเอกสารวีซ่าได้ที่ศูนย์รับคำร้องขอวีซ่าอังกฤษ (VFS) อาคารเดอะเทรนดี้ ซอยสุขุมวิท 13 แขวงคลองเตยเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพฯ 10110 เวลาเปิดทำการ: 08.30 – 15.00 น. เวลารับหนังสือเดินทาง : 13.00 – 16.00 น. ( จันทร์ – ศุกร์)

แบบฟอร์มวีซ่า Extended Student Visitor (กรอกครบถ้วนเป็นภาษาอังกฤษโดย Apex เป็นผู้กรอกให้)

1. ค่าธรรมเนียมวีซ่านักเรียน 10,020 บาท (Student extend visa)

2. ใบตอบรับจากสถาบันที่ไปเรียนในประเทศอังกฤษ(Visa Letter) จะได้หลังจากชำระค่าเรียนและ Apex จะขอกับทางโรงเรียนให้

3. หนังสือเดินทาง (พาสปอร์ต) ที่มีอายุการใช้งานได้มากกว่า 6 เดือน (เล่มจริงทุกเล่ม)

4. Transcript (ที่ระบุวันเข้าเรียนและวันจบการศึกษาอย่างชัดเจน) + ใบรับรองจบการศึกษา(ในกรณีที่จบและเกรดยังออกไม่ครบ) + ปริญญาบัตร (ตัวจริงเป็นภาษาอังกฤษเท่านั้น)

5. ใบรับรองการทำงานตั้งแต่เรียนจบจนถึงปัจจุบัน ถ้ามี / (ตัวจริงเป็นภาษาอังกฤษเท่านั้น)

6. ใบ Certificate หรือใบเสร็จเรียนภาษาในเมืองไทยหรือต่างประเทศ (ถ้าต่างประเทศต้องมี Attendance ด้วย) ถ้ามี(ตัวจริงเป็นภาษาอังกฤษเท่านั้น)

7. สำเนาบัตรประชาชนและทะเบียนบ้านของผู้สมัคร (แปลเป็นภาษาอังกฤษเท่านั้น)

8. ใบเปลี่ยนชื่อ – นามสกุล (ถ้ามี) (แปลเป็นภาษาอังกฤษเท่านั้น)

9. ใบรับรองสถานภาพทางการเงินจากธนาคาร ระบุยอดเงินคงเหลือในบัญชีเป็น GBP และจะต้องมีระยะเวลาการฝากเงินมาไม่ต่ำกว่า 180 วัน (ตัวจริงเป็นภาษาอังกฤษ) (หนังสือรับรองมีอายุ 30 วัน นับจากวันที่ออก ควรติดต่อขอธนาคารในวันที่ใกล้ยื่นวีซ่า)

10. Statement ย้อนหลัง 6 เดือน ระบุชื่อเจ้าของบัญชีเป็นภาษาอังกฤษเท่านั้น

11. สำเนาบัตรประชาชน, ทะเบียนบ้านของสปอนเซอร์ (แปลเป็นภาษาอังกฤษเท่านั้น)

12. สำเนาทะเบียนสมรส ของคู่สมรส (แปลเป็นภาษาอังกฤษเท่านั้น)

13. ใบเปลี่ยนชื่อ-นามสกุล สปอนเซอร์ (แปลเป็นภาษาอังกฤษเท่านั้น) (ถ้ามี)

14. สำหรับผู้ที่ประสงค์จะเดินทางเข้าประเทศอังกฤษและจะพำนักอยู่ในประเทศอังกฤษเกินกว่า 6 เดือน ตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2548 จะต้องตรวจสุขภาพเกี่ยวกับวัณโรคโดยลงทะเบียนออนไลน์ทางเว็บไซต์ http://register-uktb.iom.int/uktbdp-register และดาวน์โหลด Information sheet (ภาษาไทย) เพื่อทำความเข้าใจก่อนลงทะเบียน เมื่อลงทะเบียนเรียบร้อย ระบบจะส่งหมายเลขอ้างอิงการนัดหมาย (Reference ID) ให้ท่านโดยอัตโนมัติ และยื่นเรื่องขอรับแบบฟอร์มการตรวจสุขภาพ ได้ที่ องค์กรระหว่างประเทศเพื่อการโยกย้ายถิ่นฐาน (International Organization for Immigration)

ที่อยู่: 120 อาคารเกษมกิจ ชั้น 8 ถนนสีลม บางรัก กรุงเทพ ฯ 10500 โทร02-2347950-1

1. Passport ตัวจริง ซึ่งยังมีอายุการใช้งานเหลือมากกว่า 6 เดือน พร้อมสำเนา 1 ฉบับ

2. บัตรประจำตัวประชาชน พร้อมสำเนา 1 ฉบับ

3. รูปถ่าย 2 นิ้ว จำนวน 2 รูป

4. ค่าใช้จ่าย 3,800 บาท โดยเจ้าหน้าที่จะออกเอกสารให้ ให้นำเอกสารที่ได้ไปยื่นที่โรงพยาบาลที่ระบุไว้ คือ โรงพยาบาลกรุงเทพคริสเตียน หรือโรงพยาบาลพญาไท 2 เพื่อทำการเอกซ์เรย์ปอดและหลังจากตรวจสุขภาพที่โรงพยาบาลแล้ว ให้นำแผ่นฟิลม์เอกซเรย์นั้น กลับไปยื่นที่องค์กรระหว่างประเทศฯ อีกครั้งโดยจะมีคุณหมอตรวจแผ่นฟิล์มเอกซเรย์ ถ้าผลปกติคุณหมอจะคืนแผ่นฟิลม์ x-rayนั้นและออกใบ Certificate เพื่อนำกลับไปยื่นให้กับสถานทูตอังกฤษสามารถยื่นเอกสารวีซ่าได้ที่ศูนย์รับคำร้องขอวีซ่าอังกฤษ (VFS) อาคารเดอะเทรนดี้ ซอยสุขุมวิท 13 แขวงคลองเตยเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพฯ 10110 เวลาเปิดทำการ: 08.30 – 15.00 น. เวลารับหนังสือเดินทาง : 13.00 – 16.00 น. ( จันทร์ – ศุกร์)