GPA vs GPAX ต่างกันยังไง? เข้าใจให้ชัด พร้อมโปรแกรมคำนวณฟรี

GPA คืออะไร

GPA ย่อมาจาก Grade Point Average หรือที่เรียกว่า “ผลการเรียนเฉลี่ยรายภาคเรียน” หมายถึงคะแนนเฉลี่ยของวิชาทั้งหมดที่เรียนในแต่ละเทอม ตัวเลขนี้สะท้อนภาพรวมของผลการเรียนในช่วงเวลานั้น เช่น ม.6 เทอม 1 ได้ GPA 3.25 และ ม.6 เทอม 2 ได้ GPA 3.30 เป็นต้น กล่าวง่าย ๆ GPA คือ “คะแนนเฉลี่ยรายเทอม” ที่แสดงให้เห็นว่าในเทอมนั้นคุณทำได้ดีแค่ไหนในแต่ละวิชา

GPA สำคัญอย่างไร

GPA เป็นหนึ่งในตัวชี้วัดพื้นฐานที่ใช้บ่งบอกความเข้าใจในบทเรียนของผู้เรียน มักใช้เพื่อดูแนวโน้มผลการเรียนในแต่ละช่วง เช่น เทอมนี้เกรดเพิ่มขึ้นหรือลดลง ซึ่งช่วยให้ทั้งครูและนักเรียนเห็นจุดแข็งและจุดที่ควรพัฒนา นอกจากนี้ในระดับมหาวิทยาลัยต่างประเทศบางแห่งยังดู GPA รายเทอมเพื่อพิจารณาความสม่ำเสมอของผลการเรียน ไม่ใช่แค่เกรดเฉลี่ยรวมเท่านั้น

GPAX คืออะไร

GPAX ย่อมาจาก Grade Point Average Cumulative หรือ “ผลการเรียนเฉลี่ยสะสม” เป็นค่าที่ได้จากการนำ GPA ทุกเทอมมาคำนวณรวมกันอีกครั้ง เพื่อดูภาพรวมของผลการเรียนทั้งหมดตั้งแต่เริ่มจนถึงภาคเรียนล่าสุด ตัวเลขนี้จึงเป็น “ผลเฉลี่ยของทุกเทอมรวมกัน”
เช่น หากมหาวิทยาลัยระบุว่าใช้ GPAX 5 เทอม หมายถึงให้นำเกรดเฉลี่ยตั้งแต่ ม.4 เทอม 1 ถึง ม.6 เทอม 1 มารวมกันทั้งหมด แล้วคำนวณค่าเฉลี่ยรวมอีกครั้ง

GPAX สำคัญอย่างไร

GPAX คือค่าที่สะท้อน ภาพรวมตลอดหลักสูตร จึงถูกใช้เป็นเกณฑ์หลักในการสมัครเข้ามหาวิทยาลัยในไทย รวมถึงใช้ยื่นเรียนต่อในต่างประเทศบางแห่ง เพราะเป็นตัวเลขที่บ่งบอก “ความสม่ำเสมอและความมุ่งมั่นทางวิชาการ” ของผู้เรียนตลอดระยะเวลาหลายปี ซึ่งต่างจาก GPA ที่สะท้อนเพียงผลลัพธ์ระยะสั้นในหนึ่งเทอม

GPA เป็นหนึ่งในตัวชี้วัดพื้นฐานที่ใช้บ่งบอกความเข้าใจในบทเรียนของผู้เรียน มักใช้เพื่อดูแนวโน้มผลการเรียนในแต่ละช่วง เช่น เทอมนี้เกรดเพิ่มขึ้นหรือลดลง ซึ่งช่วยให้ทั้งครูและนักเรียนเห็นจุดแข็งและจุดที่ควรพัฒนา นอกจากนี้ในระดับมหาวิทยาลัยต่างประเทศบางแห่งยังดู GPA รายเทอมเพื่อพิจารณาความสม่ำเสมอของผลการเรียน ไม่ใช่แค่เกรดเฉลี่ยรวมเท่านั้น

ข้อแตกต่างของ GPA vs GPAX

แม้ GPA และ GPAX จะใช้หลักการคำนวณคล้ายกัน แต่ความแตกต่างสำคัญอยู่ที่ “ช่วงเวลาและความหมายของตัวเลข” กล่าวคือ GPA เป็นตัวสะท้อนผลการเรียนเฉลี่ยของแต่ละเทอม ทำให้เห็นภาพความสามารถในระยะสั้น เช่น เทอมใดเรียนหนัก เทอมใดมีคะแนนลดลง ขณะที่ GPAX เป็นการนำ GPA ทุกเทอมมาคำนวณรวมกันอีกครั้ง เพื่อให้ได้ “ภาพรวมตลอดหลักสูตร” จึงเป็นตัวเลขที่บ่งบอกถึงความสม่ำเสมอ ความมุ่งมั่น และการรักษามาตรฐานทางการเรียนในระยะยาว 

ทั้งนี้ นักเรียนบางคนอาจมี GPA ขึ้นลงในแต่ละเทอม แต่หาก GPAX ยังคงสูง นั่นหมายความว่าผลการเรียนโดยรวมมีเสถียรภาพและน่าเชื่อถือมากกว่าในการพิจารณาเรียนต่อหรือสมัครทุน

หลักการคิดของ GPA และ GPAX

หลักการคิดเหมือนกันต่างกันที่ขอบเขตข้อมูล การคำนวณทั้ง GPA และ GPAX ใช้สูตรเดียวกันคือ นำเกรดของแต่ละวิชาคูณหน่วยกิต แล้วบวกรวมทั้งหมด ก่อนหารด้วยหน่วยกิตรวมของช่วงที่คำนวณ ความต่างอยู่ที่ขอบเขตข้อมูล GPA คิดเฉพาะรายวิชาในเทอมนั้นจึงสะท้อนผลการเรียนระยะสั้น ส่วน GPAX รวบรวมทุกเทอมตั้งแต่เริ่มเรียนจนถึงเทอมล่าสุดแล้วค่อยเฉลี่ยออกมาอีกครั้งเพื่อให้เห็นภาพรวมสะสมระยะยาว หากอยากเช็กให้เป๊ะและถ่วงน้ำหนักหน่วยกิตได้ถูกต้อง 

โปรแกรมคำนวณ GPA และ GPAX

เพื่อให้เข้าใจและเห็นภาพการคำนวณได้ชัดเจน APEX EDUCATION ได้จัดทำ โปรแกรมคำนวณ GPA และ GPAX ออนไลน์ ที่ใช้งานได้ฟรีในหน้านี้ ระบบออกแบบมาให้จำลองการคิดเกรดจริงตามสูตรถ่วงน้ำหนักหน่วยกิตอย่างถูกต้อง

GPA และ GPAX ส่งผลต่อการเรียนต่อมากแค่ไหน

ทั้งสองค่ามีความสำคัญอย่างยิ่งในการยื่นสมัครเข้ามหาวิทยาลัย โดยเฉพาะรอบโควตาและรอบพอร์ตโฟลิโอ ซึ่งมักกำหนดเกณฑ์ขั้นต่ำของ GPAX เช่น 2.50 หรือ 3.00 ขึ้นไป เพื่อยืนยันว่าผู้สมัครมีพื้นฐานการเรียนดีเพียงพอ

สำหรับการเรียนต่อต่างประเทศ มหาวิทยาลัยจำนวนมากในยุโรป อเมริกา และออสเตรเลีย จะขอดู GPA รายเทอมหรือ GPAX รวม เพื่อประเมินความสม่ำเสมอของผลการเรียน บางแห่งยังใช้เทียบเป็นระบบเกรดสากล (เช่น 4.0 Scale) เพื่อวัดมาตรฐานร่วมกัน ดังนั้นการรักษาทั้ง GPA และ GPAX ให้ดีจึงเป็นการเตรียมตัวที่สำคัญตั้งแต่ช่วงมัธยม