รู้จัก คะแนน ielts
หากคุณเป็นชาวต่างชาติที่สนใจมาเรียนในประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นหลักสูตรระดับมหาวิทยาลัย โรงเรียนนานาชาติ หรือแม้แต่คอร์สเรียนภาษา วีซ่าที่คุณต้องรู้จักคือ Education Visa (ED Visa) ซึ่งเป็นวีซ่าที่ออกให้เพื่อการศึกษาโดยเฉพาะ หลายคนอาจสงสัยว่า ED Visa มีกฎเกณฑ์อย่างไร ต้องใช้เอกสารอะไร และต่ออายุได้กี่ครั้ง บทความนี้จะอธิบายทุกเรื่องที่คุณควรรู้เกี่ยวกับ วีซ่านักเรียนในไทย อย่างละเอียด
คะแนน IELTS คืออะไร?
IELTS(ไอเอล) หรือ International English Language Testing System คือการสอบวัดระดับความสามารถทางภาษาอังกฤษที่ได้รับการยอมรับในระดับสากลทั่วโลก โดยมีความนิยมอย่างมากในหมู่นักเรียนที่ต้องการศึกษาต่อในต่างประเทศ ผู้สมัครงานในองค์กรนานาชาติ รวมถึงผู้ที่ต้องการย้ายถิ่นฐานไปยังประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นหลัก การสอบ IELTS จะวัดทักษะภาษาอังกฤษทั้ง 4 ด้าน ได้แก่ การฟัง (Listening), การอ่าน (Reading), การเขียน (Writing) และการพูด (Speaking) ซึ่งแต่ละทักษะจะให้คะแนนตั้งแต่ 0–9 ก่อนนำมาคำนวณค่าเฉลี่ยเพื่อเป็น Overall Band Score โดยคะแนนสูงสุดคือ Band 9.0 ซึ่งหมายถึงการใช้ภาษาอังกฤษได้อย่างเชี่ยวชาญ
ความสำคัญของคะแนน IELTS
คะแนน IELTS ไม่ใช่แค่การสอบเพื่อวัดความรู้ภาษาอังกฤษเท่านั้น แต่ถือเป็น “ใบเบิกทาง” ที่ช่วยสร้างโอกาสใหม่ ๆ ในชีวิต ไม่ว่าจะเป็นการศึกษาต่อ การทำงาน หรือการย้ายถิ่นฐานไปต่างประเทศ มหาวิทยาลัยชั้นนำส่วนใหญ่มักกำหนดคะแนน IELTS ขั้นต่ำเป็นเงื่อนไขการรับสมัคร เพื่อยืนยันว่าผู้สมัครมีความสามารถพอจะเข้าใจเนื้อหาการเรียนได้อย่างเต็มที่ ในด้านของการทำงาน คะแนน IELTS ที่ดียังเป็นหลักฐานยืนยันความสามารถสื่อสารในเชิงวิชาชีพ ช่วยเพิ่มโอกาสในการได้งานที่ดีขึ้น มีโอกาสเลื่อนตำแหน่ง และเพิ่มค่าตอบแทน ส่วนการย้ายไปอยู่ต่างประเทศ คะแนน IELTS ก็เป็นเกณฑ์พิจารณาสำคัญสำหรับวีซ่าภาษาอังกฤษ เช่น ออสเตรเลีย แคนาดา หรือนิวซีแลนด์
การแบ่งทักษะ IELTS แต่ละระดับ
คะแนน IELTS มีการแบ่งระดับตั้งแต่ Band 0–9 ซึ่งแต่ละระดับสะท้อนความสามารถด้านภาษาที่แตกต่างกัน ดังนี้
Band 9: Expert User (ผู้ใช้ภาษาเชี่ยวชาญสูงสุด)
นี่คือระดับสูงสุดของการสอบ IELTS ผู้ที่ได้ Band 9 คือผู้ที่ใช้ภาษาอังกฤษได้อย่างคล่องแคล่วและถูกต้องเกือบสมบูรณ์แบบ สามารถสื่อสารได้ในทุกสถานการณ์ ไม่ว่าจะเป็นการสนทนาในชีวิตประจำวัน การนำเสนอเชิงวิชาการ หรือการถกเถียงเชิงวิชาชีพ ข้อผิดพลาดแทบไม่มีหรือมีน้อยมากจนไม่ส่งผลต่อความหมาย การสอบระดับนี้ถือเป็นหลักฐานยืนยันว่าผู้สอบมีความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษใกล้เคียงเจ้าของภาษา เหมาะสำหรับการเรียนต่อระดับสูง มหาวิทยาลัยท็อประดับโลก หรือการทำงานในองค์กรชั้นนำที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นหลัก
Band 8: Very Good User (ผู้ใช้ภาษาดีมาก)
ผู้ที่ได้ Band 8 แสดงถึงความสามารถภาษาอังกฤษในระดับยอดเยี่ยม สามารถสื่อสารได้อย่างคล่องแคล่วและมีประสิทธิภาพสูงในเกือบทุกบริบท ข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้นมักจะเล็กน้อยและไม่บ่อย เช่น เรื่องการเลือกใช้คำหรือโครงสร้างประโยคบางครั้งบางคราว ถึงอย่างนั้นก็ยังเข้าใจภาษาในเชิงซับซ้อนได้ชัดเจน และสามารถเข้าร่วมอภิปรายหรือทำงานวิชาการระดับสูงได้โดยไม่มีปัญหา จัดว่าใกล้เคียงระดับเจ้าของภาษาและเพียงพอต่อการเข้ามหาวิทยาลัยชื่อดังทั่วโลก
Band 7: Good User (ผู้ใช้ภาษาดี)
การได้ Band 7 ถือว่ามีความสามารถภาษาอังกฤษที่ดี สามารถทำความเข้าใจบทความที่ซับซ้อนได้ สื่อสารได้ชัดเจนและมีประสิทธิภาพ ใช้ภาษาในเชิงอธิบายหรือให้เหตุผลได้เกือบทุกสถานการณ์ ถึงแม้ยังมีความผิดพลาดในการใช้คำศัพท์หรือไวยากรณ์อยู่บ้าง แต่โดยรวมก็ยังสื่อสารได้เข้าใจอย่างราบรื่น คะแนนระดับนี้มักเป็นเกณฑ์ที่มหาวิทยาลัยส่วนใหญ่และหลักสูตรนานาชาติใช้เป็นมาตรฐานขั้นต่ำ เช่น การเรียนปริญญาโท ปริญญาเอก หรือสาขาที่ต้องใช้ทักษะการสื่อสารเข้มข้น
Band 6: Competent User (ผู้ใช้ภาษาในระดับมั่นใจพอสมควร)
ผู้ที่ได้ Band 6 ถือว่ามีความสามารถภาษาอังกฤษที่เพียงพอต่อการใช้จริงในหลายๆ สถานการณ์ โดยเฉพาะเมื่ออยู่ในหัวข้อที่ตนคุ้นเคย สามารถเข้าใจการสนทนา การบรรยาย หรือบทความทั่วไปได้ แต่ยังมีข้อผิดพลาดทั้งการใช้คำ โครงสร้าง และความเข้าใจผิดในบางครั้ง อย่างไรก็ตามผู้สอบระดับนี้ยังคงสามารถสื่อสารในชีวิตประจำวัน รวมถึงการเรียนในหลักสูตรระดับมหาวิทยาลัยบางแห่งได้ คะแนน Band 6 มักเป็น ขั้นต่ำที่มหาวิทยาลัยต่างประเทศกำหนด สำหรับผู้สมัครเรียนต่อ
Band 5: Modest User (ผู้ใช้ภาษาพอใช้)
การสอบได้ Band 5 หมายความว่าผู้สอบมีความสามารถภาษาอังกฤษในระดับปานกลาง สามารถสื่อสารขั้นพื้นฐานได้ในสถานการณ์ที่คุ้นเคย เช่น การสนทนาทั่วไป หรือการอธิบายเรื่องง่ายๆ แม้จะสามารถเข้าใจภาพรวมของบทสนทนาหรือข้อความได้ แต่ยังมีข้อผิดพลาดจำนวนมาก และอาจเข้าใจผิดในเนื้อหาที่ซับซ้อน คะแนนระดับนี้เหมาะกับผู้ที่ต้องการใช้ภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวัน หรือในงานที่ไม่ได้ใช้ทักษะภาษาเชิงลึกมากนัก แต่สำหรับการศึกษาต่อในหลักสูตรนานาชาติ มักต้องการสูงกว่า Band 5 ขึ้นไป
Band 4: Limited User (ผู้ใช้ภาษาจำกัด)
หากได้ Band 4 จะบ่งบอกถึงความสามารถภาษาอังกฤษที่จำกัดอย่างมาก สามารถใช้ภาษาได้เฉพาะในสถานการณ์ที่คุ้นเคยและง่ายๆ เช่น บทสนทนาสั้น ๆ ในชีวิตประจำวัน แต่ยังไม่สามารถสื่อสารเกี่ยวกับหัวข้อที่ซับซ้อนหรือไม่คุ้นเคยได้ ความผิดพลาดในการใช้ภาษาจะเกิดขึ้นเป็นประจำ ทำให้การสื่อสารไม่ราบรื่น คะแนนระดับนี้ยังไม่เพียงพอสำหรับการใช้ภาษาอังกฤษเพื่อการศึกษาในต่างประเทศหรืองานระดับสูง
Band 3: Extremely Limited User (ผู้ใช้ภาษาจำกัดอย่างมาก)
Band 3 หมายถึงผู้สอบสามารถเข้าใจและสื่อสารภาษาอังกฤษได้เฉพาะบางสถานการณ์ที่คุ้นเคยสุดๆ เท่านั้น เช่น การเข้าใจคำง่ายๆ หรือข้อความพื้นฐาน การสื่อสารในระดับนี้มักเต็มไปด้วยการสะดุดและไม่ราบรื่น บทสนทนาอาจไม่สมบูรณ์ หรือมีปัญหาเรื่องการเลือกใช้คำและโครงสร้างที่ถูกต้อง คะแนนระดับนี้สะท้อนได้ว่าผู้สอบยังต้องฝึกภาษาเพิ่มเติมอย่างมาก
Band 2: Intermittent User (ผู้ใช้ภาษาแบบไม่ต่อเนื่อง)
คนที่ได้ Band 2 จะมีความสามารถภาษาอังกฤษในระดับที่จำกัดสุดๆ สามารถเข้าใจหรือใช้ภาษาได้เพียงคำศัพท์พื้นฐาน เช่น คำเดี่ยวหรือประโยคสั้นๆ ที่เกี่ยวข้องกับความต้องการเร่งด่วนในชีวิตจริง เช่น การถามทาง หรือการซื้อของ อย่างไรก็ตามจะไม่สามารถเข้าใจบทสนทนาหรือข้อความที่ซับซ้อนและยาวได้ เหมาะกับการบอกได้แค่ “ความหมายหยาบๆ” แต่ไม่สามารถใช้ภาษาได้อย่างมีประสิทธิภาพ
Band 1: Non-User (ไม่ได้ใช้ภาษา)
Band 1 หมายถึงผู้สอบแทบไม่มีความสามารถทางภาษาอังกฤษเลย อาจรู้จักเพียงคำศัพท์ไม่กี่คำแบบเบื้องต้น ไม่สามารถสื่อสารได้จริงในชีวิตประจำวัน การได้ Band นี้สะท้อนว่าแทบไม่ได้มีทักษะภาษาอังกฤษที่ใช้งานจริง
Band 0: Did Not Attempt (ไม่ได้ทำข้อสอบ)
Band 0 ไม่ได้สะท้อนความสามารถภาษาอังกฤษ เพราะหมายถึง “ไม่ได้เข้าสอบ” หรือ “ไม่ได้ตอบคำถามข้อสอบเลย” จึงไม่มีคะแนนในทุกทักษะ
จะเห็นได้ว่าแต่ละ Band Score ของ IELTS สะท้อนทักษะภาษาอังกฤษแตกต่างกันชัดเจน ตั้งแต่ระดับผู้เชี่ยวชาญที่ใช้งานได้เหมือนเจ้าของภาษา ไปจนถึงผู้ที่ยังไม่สามารถใช้ภาษาได้เลย การทำความเข้าใจเกณฑ์นี้จะช่วยให้ผู้สอบตั้งเป้าหมายชัดเจนมากขึ้น เช่น ถ้าต้องการเรียนต่อต่างประเทศส่วนใหญ่ มักต้องได้ Band 6.0–7.0 ขึ้นไป หากใฝ่ฝันถึงมหาวิทยาลัยท็อป อาจต้องถึง Band 7.5 หรือ 8.0
การใช้คะแนน IELTS เพื่อศึกษาต่อ
หนึ่งในเหตุผลหลักที่ผู้คนส่วนใหญ่เลือกสอบ IELTS คือเพื่อนำคะแนนไปใช้สมัครเรียนต่อในมหาวิทยาลัยต่างประเทศ โดยเฉพาะในประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นหลัก เช่น สหราชอาณาจักร สหรัฐอเมริกา แคนาดา ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ มหาวิทยาลัยเหล่านี้มักกำหนดเกณฑ์คะแนนขั้นต่ำต่างกันไป โดยทั่วไปจะอยู่ที่ Band 6.0–6.5 ขึ้นไป ส่วนมหาวิทยาลัยระดับท็อปหรือหลักสูตรที่มีการแข่งขันสูง เช่น ด้านแพทยศาสตร์ นิติศาสตร์ หรือนิติวิทยาศาสตร์ อาจกำหนดคะแนนขั้นต่ำที่ Band 7.0 หรือสูงกว่า นอกจากนี้ คะแนน IELTS ยังมีความสำคัญต่อการขอทุนการศึกษา เพราะหลายโครงการใช้คะแนน IELTS เป็นเกณฑ์คัดเลือกผู้สมัคร การมีผลสอบที่ดีจึงไม่เพียงแต่ช่วยให้เข้ามหาวิทยาลัยในฝันได้ง่ายขึ้น แต่ยังเป็นการเปิดโอกาสในการได้รับทุนและการสนับสนุนทางการเงินอีกด้วย